top of page
Coming Soon.jpg

ตราสัญลักษณ์ AOP, IGP และเครื่องหมายเกษตรอินทรีย์: คุณภาพที่เหนือกว่าจริงหรือ? 

 

ตราสัญลักษณ์เป็นวิธีการแจ้งให้ผู้บริโภคทราบเกี่ยวกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ ออกโดยหน่วยงานซึ่งรับรองว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและ/หรือคุณสมบัติต่างๆ 

แต่สิ่งที่สามารถรับประกันเป็นรูปธรรมได้ คืออะไร ?

คำตอบคือแหล่งกำเนิดทางภูมิศาสตร์และความรู้ดั้งเดิมในการผลิต สองสิ่งนี้เป็นมาตรฐานที่สามารถรับประกันได้ 

 

โดยทั่วไปแล้ว ในยุโรปจะใช้ฉลากและตราสัญลักษณ์สามรายการ

  • PDO : Protected Designation of Origin (ภาษาฝรั่งเศส คือ AOP)

  • PGI : Protected Geographical Indication (ภาษาฝรั่งเศส คือ IGP)

  • เกษตรอินทรีย์ (กำหนดขึ้นตามกฎระเบียบด้านเกษตรอินทรีย์ของยุโรป EU 2018/848)

 

ตราสัญลักษณ์ทั้งสามนี้เป็นเครื่องหมายรับประกันคุณภาพในภาคเกษตรกรรม และใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรป

ถึงแม้ว่าจะมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน แต่ตราสัญลักษณ์แต่ละอันก็มีเป้าหมายร่วมกัน คือ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรู้จักข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาบริโภคได้

 

PDO : Protected Designation of Origin

 

ตราสัญลักษณ์ PDO หรือ AOP มีจุดประสงค์เพื่อระบุแหล่งกำเนิดสินค้าเกษตร คือ เป็นการรับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้รับการแปรรูปและผลิตในพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง

 

ตราสัญลักษณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันระหว่างผลิตภัณฑ์กับพื้นที่ในการผลิต ความรู้ความสามารถในการผลิตก็ได้รับการรับรองด้วยเช่นกัน เพราะตราสัญลักษณ์นี้เป็นการรับรองผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับความรู้ความสามารถ ทั้งจับต้องได้และไม่ได้ จากผู้ประกอบการต่างๆ โดยมีกรอบข้อกำหนดที่เข้มงวด

ตัวอย่างของสินค้าที่ได้รับตราสัญลักษณ์นี้ คือ แฮมจากหมูคินโตอา (Kintoa)

 

แล้วข้อดีสำหรับผู้บริโภคคืออะไร?

ด้วยตราสัญลักษณ์นี้ ผู้บริโภคจะมั่นใจได้ถึงการรับประกันความถูกต้องและลักษณะเฉพาะของแหล่งกำเนิดทางภูมิศาสตร์ของผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงปัจจัยด้านอื่นๆ ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับภูมิภาคเฉพาะ

 

ในยุโรป ผลิตภัณฑ์อาหารมากกว่า 904 รายการ ได้รับตราสัญลักษณ์ AOP

 

Protected Geographical Indication (PGI)

 

ตราสัญลักษณ์ PGI หรือ IGP เป็นเครื่องหมายที่กำหนดผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะเชื่อมโยงกับที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ข้อกำหนดของตราสัญลักษณ์นี้คือผลิตภัณฑ์นั้นๆ ต้องถูกผลิต ปรุงแต่งหรือแปรรูปในสถานที่ที่กำหนดโดยฉลาก โดยที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีกระบวนการผลิต หรือมีกระบวนการแปรรูปแบบเดียวกัน แต่ไม่ได้ดำเนินการภายในสถานที่นั้นๆ ไม่สามารถอ้างสิทธิ์ในการได้รับตรา IGP ได้ สถานที่ที่ได้กำหนดไว้ถือเป็นภูมิภาคเดียวที่มีสิทธิ์ผลิตผลิตภัณฑ์ที่คู่ควรกับฉลาก

 

การผลิตสินค้าอาจถูกลอกเลียนแบบและผลิตในภูมิภาคอื่นได้ แต่สินค้าที่ผลิตอออกมาจะไม่ได้รับมาตรฐานเดียวกัน เพราะตราสัญลักษณ์นี้ คือการรับประกันเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และความรู้ความสามารถของภูมิภาค

 

ตัวอย่างของสินค้าที่ได้รับตราสัญลักษณ์นี้ คือ แฮมบายอนน์ (Bayonne) อันเนื่องมาจากแหล่งกำเนิด ประวัติศาสตร์ และประเพณีที่เชื่อมโยงกับแหล่งกำเนิด

 

 

แล้วข้อดีสำหรับผู้บริโภคคืออะไร?

 

ผู้บริโภคจะได้รับความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อนั้นมีแหล่งกำเนิดทางภูมิศาสตร์ที่ระบุเฉพาะเจาะจง และมีคุณสมบัติ ชื่อเสียง หรือคุณลักษณะที่เชื่อมโยงกับแหล่งกำเนิด

 

ในยุโรป ผลิตภัณฑ์อาหารมากกว่า 670 รายการ ได้รับตราสัญลักษณ์ IGP

เกษตรอินทรีย์

 

ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า "ออร์แกนิก" คือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการใช้ปุ๋ยสังเคราะห์หรือยาฆ่าแมลง (หรือผลิตภัณฑ์เคมีอื่นๆ หรือ GMOs เกษตรอินทรีย์จึงเป็นรูปแบบหนึ่งของการผลิตทางการเกษตรที่คำนึงถึงความสมดุลของธรรมชาติ

 

ตราสัญลักษณ์ออร์แกนิกมีการรับประกันคุณภาพมากมาย ในหลากหลายด้าน :

  • การใช้พลังงานและทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีความรับผิดชอบ

  • การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ

  • การรักษาสมดุลของระบบนิเวศในระดับภูมิภาค

  • การช่วยปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน

  • การรักษาคุณภาพน้ำ

 

นอกจากนี้ กฎที่บังคับใช้กับการทำเกษตรอินทรีย์ยังช่วยส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ในระดับสูง และกำหนดแนวทางให้เกษตรกรปฏิบัติต่อสัตว์ได้เหมาะสมยิ่งขึ้น

 

 

แล้วข้อดีสำหรับผู้บริโภคคืออะไร?

 

นอกเหนือจากการลดมลพิษ การอนุรักษ์ดินและน้ำใต้ดิน การทำเกษตรอินทรีย์ยังรับประกันว่าผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและร่างกายอีกด้วย

 

กล่าวโดยสรุป ฉลากเกษตรอินทรีย์นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเหมาะสมแก่ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย ผู้ค้า แต่ยังรวมถึงผู้บริโภคปลายทางด้วย

 

 

มีการตรวจสอบฉลากและตราสัญลักษณ์เหล่านี้เป็นประจำหรือไม่ ?

 

ในยุโรป การได้รับฉลากและตราสัญลักษณ์มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากเป็นข้อพิสูจน์ด้านคุณภาพสำหรับผู้บริโภค

 

นอกเหนือจากการควบคุมคุณภาพเฉพาะสำหรับภาคส่วนต่างๆ (เช่น กลุ่มฟาร์มสุกร) ที่กำหนดขึ้นในระดับประเทศหรือภายในองค์กร (ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับแต่ละบริษัท) ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องในการออกฉลากและตราสัญลักษณ์ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนทั้งหมด 3 ขั้นตอน เพื่อรับประกันคุณภาพแก่ผู้บริโภค

  • การตรวจสอบด้วยตนเอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบย้อนกลับของผลิตภัณฑ์ในระหว่างห่วงโซ่การผลิต

  • การตรวจสอบภายใน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

  • และการตรวจสอบภายนอก โดยหน่วยงานรับรองที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐ

การตรวจสอบย้อนมีขั้นตอนอย่างไร ?

 

การตรวจสอบย้อนกลับของอาหารเป็นหนึ่งในเสาหลักของความปลอดภัยของอาหาร โดยทำให้เราสามารถติดตามเส้นทางของอาหารได้ตลอดห่วงโซ่การผลิตและการกระจายสินค้า วัตถุประสงค์หลักของการตรวจสอบคือการตรวจสอบที่มาของผลิตภัณฑ์ และยังทำให้เราสามารถจัดการถอดถอนผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพออกจากห่วงโซ่การผลิตได้อีกด้วย

 

การตรวจสอบย้อนกลับของอาหารที่เกี่ยวข้องกับฉลากและตราสัญลักษณ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรฐานตลอดจนการควบคุมในระดับชาติและระดับยุโรป

 

สหภาพยุโรปดำเนินการตรวจสอบอาหารอย่างต่อเนื่อง (และในห่วงโซ่การผลิตและการกระจายสินค้าทั้งหมด) เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่บังคับใช้

 

มาตรฐานการออกฉลากมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับคุณภาพ และการตรวจสอบย้อนกลับของอาหาร กฎเหล่านี้มีผลบังคับใช้ในทุกประเทศในสหภาพยุโรป การระบุแหล่งกำเนิดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอาหารหลายชนิด (เนื้อวัว เนื้อหมู สัตว์ปีก เนื้อแกะ แพะ ฯลฯ)

โบนัส : ตอนนี้คุณรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับตราสัญลักษณ์ของมาตรฐานคุณภาพยุโรปแล้ว เราอยากขอแนะนำเมนู « ชูครุต  (Choucroute) » ที่คุณเตรียมได้ง่ายๆ สำหรับมื้อกลางวันครั้งต่อไปของคุณ

bottom of page